ที่อยู่หรือกรงให้เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยง

          ปัจจุบันนี้มนุษย์เรามีสัตว์เลี้ยงตัวน้อยไว้เป็นเพื่อนคลายเหงา เป็นส่วนหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว และถ้าหากคุณอยากเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงสิ่งสำคัญที่เจ้าของไม่ควรมองข้ามอีกเรื่อง ก็คือ ที่อยู่อาศัยหรือกรงสำหรับเจ้าตัวน้อยนั่นเอง  

​

การจัดเตรียมที่อยู่อาศัยจำเป็นอย่างไรสำหรับสัตว์เลี้ยง

    ที่อยู่อาศัยที่มีสภาพแวดล้อมดี สะอาด ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ในการเริ่มดูแลน้องหมาน้องแมวที่เรารักเลยนะคะ เพราะถ้าเรามีการจัดเตรียมที่อยู่ที่ดีไว้พร้อมที่จะเลี้ยงดูสิ่งมีชีวิตสักตัว ก็จะทำให้เรารับมือกับปัจจัยอื่นๆ ที่อาจจะตามมาภายหลังได้อย่างดี เช่น ถ้าเราไม่มีการจัดเตรียมมุมที่อยู่ให้กับสัตว์เลี้ยงแน่นอนว่าสัตว์เลี้ยงของคุณก็อาจจะทำลายข้าวของวิ่งซนทั่วบ้านด้วยความไม่ชิน และเพื่อสุขอนามัยที่ดีของสัตว์เลี้ยง เจ้าของควรเลือกของใช้ พื้นที่ที่ล้างทำความสะอาดได้สะดวก เพื่อป้องกันเชื้อโรคสะสมที่ของเล่น ของใช้หรือชามอาหารของสัตว์เลียง เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพของสัตว์ได้

​

1. กั้นพื้นที่

   เริ่มต้นการเตรียมตัวเลี้ยยงสัตว์ในบ้านด้วยการแบ่งพื้นที่อยู่อาศัย ให้เป็นสัดส่วน เหมาะสำหรับบ้านที่ไม่ต้องการให้สัตว์อยู่ในบ้านได้ทุกพื้นที่ ควรเลือกใช้คอกกั้นพื้นที่ในบ้านหรือกรง โดยควรวัดร่างกายของน้องก่อนเลือกซื้อ สำหรับคอกกั้น หรือกรง ที่เหมาะสมควรมีความยาว มากกว่าลำตัวประมาณ 2-4 นิ้ว และมีความสูงกว่าตัวเมื่อนั่งหลังตรงประมาณ 2-4 นิ้ว เพื่อให้น้องมีพื้นที่ส่วนตัว แต่ไม่อึดอัดจนเกินไป โดยอย่าลืมปล่อยน้องออกมาวิ่งเล่นข้างนอกเสมอ เพื่อป้องกันความเครียด

2. พื้นและผนังที่ทำความสะอาดง่ายคงทน

   พื้นที่เหมาะกับการเลี้ยงหมาในบ้าน ควรเป็นพื้นที่เรียบ เสมอกัน ทำความสะอาดง่าย พื้นผิวหยาบ และไม่ลื่น เช่น พื้นกระเบื้องยาง SPC เพราะมีพื้นผิวคล้ายไม้จริง ช่วยให้น้องหมาวิ่งซุกซนได้เต็มที่ แถมยังทำความสะอาดง่าย ทนทานต่อรอยขีดข่วน ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่มีพื้นผิวมันวาว เรียบลื่น เช่น กระเบื้องเพราะพื้นลื่นอาจส่งผลกระทบต่อสะโพก และข้อเข่าของน้องหมา โดยเฉพาะน้องหมาพันธุ์ใหญ่ที่ต้องรับน้ำหนักตัวเป็นจำนวนมาก  ในส่วนของผนังบ้านควรจะทาด้วยสีที่ทำความสะอาดได้ง่าย

3. การเลือกเฟอร์นิเจอร์

   โซฟาควรจะเลือกใช้โซฟาหนังสีสว่าง แทนการใช้โซฟาผ้าที่เก็บฝุ่น เหมาะสำหรับบ้านที่เตรียมตัวเลี้ยงน้องหมา น้องแมวในบ้านทั้งพันธุ์ขนยาวและขนสั้น เพราะขนของน้องอาจร่วงติดตามโซฟาผ้าหรือกำมะหยี่ได้ง่ายกว่าโซฟาหนัง นอกจากนี้ยังทำความสะอาดได้สะดวก  ข้าวของ หรือโต๊ะ เก้าอี้ ควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตจากโลหะ หรือสแตนเลส จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่า อย่างไรก็ตามควรฝึกน้องหมา ให้แทะของเล่นของตัวเองเท่านั้น เพื่อให้น้องได้ระบายความเครียดและป้องกันการแทะเฟอร์นิเจอร์หรือของใช้ในบ้าน ส่วนน้องแมวเองก็ควรจะมีที่ฝนเล็บของตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้น้องข่วนเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน

4. ที่นอน

   การเลือกที่นอนให้เหมาะสม จะช่วยให้สัตว์เลี้ยงนอนหลับสบายมากยิ่งขึ้น โดยเลือกที่นอนที่มีเบาะนุ่มหนาแน่น ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี และไม่เก็บความชื้น เมื่อถึงเวลาก็นำที่นอนมาวางข้างๆ ที่นอนของเรา จะช่วยให้สัตว์เลี้ยงของเรารู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น

5. อาหาร และน้ำ

   สำหรับใครที่อยากเลี้ยงหมาในบ้านแต่ไม่ค่อยมีเวลา สามารถเลือกใช้เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติ ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในบ้านได้ดี หรือใครที่มีเวลาอยู่บ้านก็ควรเลือกใช้ชามสแตนเลสที่แข็งแรง ทนทาน ทำความสะอาดง่าย 

6. พื้นที่ขับถ่าย

    ควรเลือกพื้นที่ ที่ระบายอากาศได้ดี ฝึกสัตว์เลี้ยงให้รู้จัก อึ-ฉี่ เป็นที่ และหมั่นเปลี่ยนแผ่นรองฉี่สุนัข หรือทรายแมวอยู่เสมอ เพื่อป้องกันกลิ่นเหม็น และเชื้อโรค  การขับถ่ายถือเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อทั้งสุขภาพของสัตว์เลี้ยง และสุขอนามัยภายในบ้าน 

7. ของเล่นและอุปกรณ์เสริม

    นอกจากของใช้ที่จำเป็นสำหรับการเลี้ยงสัตว์ในบ้านอย่างกรรไกรตัดเล็บ แปรงสีฟัน แชมพูสบู่ รวมไปถึงของเล่น ทั้งตุ๊กตา ลูกบอล หรือ เชือกแบบต่างๆ แล้วก็จะเป็นเรื่องความสะอาด เนื่องจากน้องหมา น้องแมว เป็นสัตว์ที่มีขนปกคลุมทั้งตัว ไม่ว่าจะขนสั้นหรือขนยาวต่างก็มีขนร่วงในบ้านกันทั้งสิ้น ดังนั้นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นจึงเป็นตัวช่วยสำคัญ ที่ช่วยให้บ้านของคุณสะอาดอยู่เสมอ แม้จะเลี้ยงในบ้านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องขนหรือสารก่อภูมิแพ้

                  

    ทั้งหมดนี้ก็เป็นแนวทางในการเปลี่ยนบ้านให้เอื้อต่อการเลี้ยงสัตว์แบบง่ายๆ ที่เราอยากให้คุณลองนำไปปรับใช้กันตามความเหมาะสมนะคะ  โดยเมื่อเราตัดสินใจพาเจ้าตัวเล็กเข้ามาในบ้านของเราแล้ว เราก็ต้องยอมเปลี่ยนบ้านของเราให้ดีต่อเขาด้วย เพราะเขาได้เป็นสมาชิกในครอบครัวของเราแล้ว